การจัดฟันแต่ละประเภท เหมาะสมกับบุคคลและลักษณะฟันแบบใดต้องขอบอกเลยว่าในยุคสมัยนี้ การพัฒนาทางด้านทันตกรรมถือว่าเป็นไปอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดดอย่างมาก เนื่องจากว่าประชากรจำนวนมากบนโลก เริ่มให้ความสนใจและรักษาสุขภาพในช่องปากเพิ่มมากขึ้นอย่างสูงเช่นกัน เพราะหลายๆท่านเริ่มเข้าใจถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปากมากขึ้นแล้วนั่นเอง สิ่งที่พัฒนาเร็วมากๆทางด้านทันตกรรม คือการรักษาที่หลายรูปแบบเพื่อความเหมาะสมของแต่ละบุคคลมากขึ้น เพื่อให้ผลรับออกมาดีที่สุด การจัดฟันก็ถือได้ว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่มีความนิยมอย่างมาก รูปแบบการจัดฟันจึงออกมามากมาย เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในสาเหตุของแต่ละคน
ในวันนี้ทางด้าน Clinic จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับรูปแบบต่างๆ ของกระบวนการจัดฟัน ว่าเหมาะสมสำหรับใครบ้าง หรือเหมาะสมกับการรักษาฟันในลักษณะใด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การจัดฟัน คืออะไร ?
การจัดฟัน คือกระบวนการติดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางทันตกรรมที่ทำให้เกิดแรงกดที่บริเวณฟัน เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายฟันทีละนิดไปในทิศทางที่ต้องการตามที่ทันตแพทย์ได้วางแผนไว้ ให้ฟันกลับมาเรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในเรื่องการสบฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันจึงถือว่ามีประโยชน์มากๆในด้านการรักษาการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ
ประเภทของการจัดฟันมีอะไรบ้าง และเหมาะสมกับลักษณะอย่างไรบ้าง ?
– การจัดฟันแบบติดแน่น (Fixed Braces)
แบร็กเกต หรือที่เรียกว่า แผ่นทันตกรรมจัดฟันขนาดเล็ก จะใช้วิธีการติดกาวชนิดพิเศษไว้ที่บริเวณหน้าฟันแต่ละซี่ด้วยกาวชนิดพิเศษ โดยทั้งหมดจะถูกเชื่อมโยงกันด้วยลวดทันตกรรมและยึดด้วยยางอีกทีหนึ่ง ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบนี้ถือได้ว่าเป็นวิธีการใหม่ในการยึดลวดทันตกรรมให้อยู่กับที่ และมีคุณสมบัติในการช่วยจัดฟันให้เข้าที่อย่างราบลื่นและรวดเร็ว โดยหลักๆของแผ่นทันตกรรมจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบพอร์สเลนฟัน โดยมีลักษณะเป็นเซรามิคสีเดียวกับฟัน และอีกแบบคือโลหะที่ผู้ป่วยสามารถเลือกใส่ยางหรือไม่ใส่ยางก็ได้
– การจัดฟันแบบใสถอดได้ (Invisible Aligners)
การจัดฟันแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ เพราะจะมองไม่เห็นอุปกรณ์ในการจัดฟัน ทำให้รู้สึกว่าเหมือนไม่ได้จัดฟันอยู่เลย แต่จะต้องทำการใส่ไว้ตลอดเวลาเหมือนกับการจัดฟันแบบอื่นทั่วไป แต่จะสามารถถอดออกมาเพื่อรับประทานหรือในขณะที่แปรงฟันเท่านั้น เพื่อช่วยให้ฟันเข้าที่เรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม ซึ่งตัวอุปกรณ์นี้จะถูกเปลี่ยนโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อขัยฟันให้เข้าที่เป็นระเบียบ แต่การจัดฟันในรูปแบบนี้โดยส่วนใหญ่จะทำการจัดในผู้ที่ฟันมีปัญหาไม่มากเท่านั้น ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยเอง
– การจัดฟันด้านใน (Lingual Braces)
ต้องขอบอกเลยว่าวิธีการจัดฟันในรูปแบบนี้นั้น เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ ที่ห่วงเรื่องภาพลักษณ์ในการจัดฟัน หรือไม่อยากให้ใครเห็นว่ากำลังจัดฟัน เนื่องจากการจัดฟันด้านในคือการติดตั้งอุปกรณ์จัดฟันด้านหลังของฟัน จึงทำให้คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ว่าท่านกำลังใส่อุปกรณ์ในการจัดฟันอยู่ แต่เรื่องความสามารถในการเรียงตัวของฟันก็ไม่ต่างจากการทำการจัดฟันด้วยวิธีการอื่นๆ แต่วิธีนี้เน้นหนักไปที่การเสริมภาพลักษณ์สำหรับท่านที่อายคนอื่น กลัวจะเห็นว่ากำลังจัดฟันอยู่เท่านั้นเอง
ทั้งหมดนี้ก็คือรูปแบบการจัดฟันต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมมากๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ต้องการทำการจัดฟันก็ควรที่จะคำนึงถึงด้วยว่า การจัดฟันในบางประเภทต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี และพบแพทย์เป็นประจำ 4-8 สัปดาห์ ต่อครั้ง และไม่ควรผิดนัดทันตแพทย์ เพราะอาจจะมีปัญหาต่อการเรียงตัวของฟัน และต้องเข้าใจด้วยว่าอุปกรณ์จัดฟันบางชนิดจะไม่สามารถถอดได้จนกว่าการจัดฟันจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งการดูแลรักษาความสะอาดก็จะยากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามการดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากให้ดีที่สุดถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดขั้นตอนแรกเพื่อให้สุขภาพช่องปากและฟันไม่เกิดปัญหาเพิ่มเติมหลังจากที่จัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นเอง