ผู้เขียน หัวข้อ: ยาชูกำลัง: วิธีปลุกความสดชื่น คลายความเหนื่อยล้า เริ่มต้นวันใหม่อย่างมีชีวิตชีวา  (อ่าน 150 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 253
  • ประกาศขายสินค้าออนไลน์ฟรี , ซื้อขายแลกเปลี่ยน
    • ดูรายละเอียด
ยาชูกำลัง: วิธีปลุกความสดชื่น คลายความเหนื่อยล้า เริ่มต้นวันใหม่อย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ในช่วงที่ผ่าน ๆ มาหากใครเหนื่อยสะสม มีอาการอ่อนเพลียทั้งทางร่างกายและจิตใจมาสักพัก จนก่อให้เกิดความเนือย ใช้ชีวิตแบบเอื่อยเฉื่อยไปวัน ๆ กลับบ้านก็ผล็อยหลับไปไม่รู้ตัว มีวิธีคืนพลังให้กายและใจของคุณ  พร้อมทั้งยังเป็นวิธีทำให้สดชื่น หายเหนื่อยล้ามาแบ่งปันค่ะ



1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณรู้สึกขาดพลังงาน บางครั้งอาจถึงขั้นรู้สึกปวดหัวขึ้นมาซะเฉย ๆ ยิ่งในวันที่ดื่มน้ำน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ความอ่อนเพลียจะแสดงตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะค่ะ นั่นก็เป็นเพราะว่า น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานอย่างคล่องตัว ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เลือดซึ่งก็จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วย ดังนั้นพยายามดื่มน้ำเปล่าให้ได้ 8 แก้วต่อวัน ง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำให้เราชื่นใจได้ในทันทีแล้ว


2. นอนให้เร็วขึ้น

อาการเหนื่อยสะสมบางทีก็มาจากการที่เราอดนอนหรือนอนดึกติดต่อกันหลายวัน ฉะนั้นหากใครรู้ตัวว่าเข้านอนเลทมาหลายคืนแล้ว พร้อมกับมีความรู้สึกเพลีย ๆ เนือย ๆ คืนนี้ลองเข้านอนให้เร็วขึ้นดูสักวันค่ะ และหากเข้านอนก่อนสี่ทุ่มได้ก็จะยิ่งดีเลย


3. กินของว่างสารอาหารสูงในช่วงสี่โมงเย็น

ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ จะเป็นช่วงเวลาที่พลังงานในร่างกายของเราตกวูบ บางคนนี่ง่วงตาแทบปิด ทำงานไปอย่างเบลอ ๆ ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควรกันเลยทีเดียว ซึ่งปัญหานี้แก้ไม่ยากค่ะ ใครเพลีย ใครเหนื่อยล้าในยามบ่ายบ่อย ๆ จนเริ่มหงุดหงิดตัวเอง แนะนำให้หาอาหารโปรตีนสูง เช่น อัลมอนด์ ถั่วชนิดต่าง ๆ น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง ไข่ต้ม หรือสแน็กที่ทำจากธัญพืชมากิน ปลุกความกระปรี้กระเปร่าให้ตัวเองด้วยสารอาหารสำคัญอย่างโปรตีน วิตามินบี และกรดไขมันโอเมก้า 3 ในช่วง 16.00 น. อิ่มท้องเบา ๆ ในเวลานี้ ก็ช่วยให้พร้อมทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปได้ยาวถึงค่ำเลย ที่สำคัญการกินของว่างในช่วงบ่ายก็จะช่วยลดความอยากอาหารหรือความหิวในมื้อเย็นได้ด้วยนะคะ ถือว่าเป็นการลดความอ้วนไปในตัว


4. ออกกำลังกายบ้าง

สารภาพมาเถอะค่ะว่าทุกวันนี้ตื่นเช้ามาทำงาน ตกเย็นกินข้าว อาบน้ำ แล้วก็นอน ชีวิตวนลูปเดิมอย่างนี้โดยปราศจากการออกกำลังกายมาตลอด ซึ่งก็แน่นอนว่าความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าคงมาเยือนคุณอยู่บ่อย ๆ อย่างเลี่ยงได้ยาก เพราะร่างกายที่ไม่ได้ออกกำลังเลยก็เหมือนกับเครื่องจักรที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน สนิมอาจจะเกาะในบางตำแหน่งจนทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ สะดุดในบางครั้ง ร่างกายของคนที่ขาดการออกกำลังกายก็เช่นกัน ที่อาจมีความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ค่อยได้ขยับร่างกายสักเท่าไร

นั่นก็เพราะว่า การออกกำลังกายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระบบการทำงานภายในร่างกายของเรามีความตื่นตัว โดยเฉพาะในส่วนของการสูบฉีดเลือดที่จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจ สมอง และปอด รวมไปถึงระบบกล้ามเนื้อก็จะแข็งแรงมากขึ้น คนที่ออกกำลังกายบ่อย ๆ จึงมีลุคที่แอคทีฟ ต่างจากคนที่ออกกำลังกายซึ่งจะดูเอื่อยเฉื่อย เหนื่อยง่าย ดังนั้นหันมาออกกำลังกายวันละนิดก็ยังดีค่ะ


5. โยคะสักหน่อยก็ได้

มีงานวิจัยจาก University of Oregon ซึ่งพบว่า อาสาสมัครหญิงและชายวัย 65-85 ปีที่เข้าคอร์สโยคะเป็นเวลา 6 เดือน หลังจบคอร์สแล้วพบว่าอาสาสมัครทุกคนมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้น นอกจากนี้สุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้นักวิจัยได้อธิบายถึงโยคะกับวิธีแก้ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียไว้ว่า โยคะเป็นการออกกำลังกายที่ส่งเสริมให้เรามีสมาธิมากขึ้น ช่วยกำจัดความตึงเครียด และท่าโยคะยังช่วยให้เราได้ยืดเหยียดร่างกาย คลายความเมื่อยล้าจากการทำงานได้มากเลยทีเดียว


6. ปรับเปลี่ยนวิธีออกกำลังกาย

บางคนออกกำลังกายแล้วรู้สึกดี แต่บางคนอาจออกกำลังกายแล้วรู้สึกเพลียยิ่งกว่าเดิม ประมาณว่ายิ่งออกกำลังกายทำไมยิ่งเหนื่อยล้าสะสมก็ไม่รู้ ซึ่งหากคุณก็เป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำแต่ดันรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียไม่หาย แนะนำให้ลองเปลี่ยนวิธีออกกำลังกายก่อนเป็นอันดับแรก เช่น หากเคยวิ่งออกกำลังกาย ลองเปลี่ยนมาเต้นแอโรบิก หรือว่ายน้ำแทน หรือถ้าปกติเคยออกกำลังกายหลังเลิกงาน ลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเช้าบ้างไหมล่ะ เผื่อจะช่วยให้ได้มุมมองใหม่ ๆ เปรียบเสมือนได้รีเฟรชตัวเราเองด้วย


7. รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

ลองเช็กตัวเองกันดีกว่าค่ะว่า ในทุกวันนี้เรากินอาหารประเภทไหนบ่อย ๆ แล้วร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนหรือเปล่า เพราะพูดกันตามตรงต้องบอกว่าคนในยุคนี้ติดนิสัยใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ บางคนตื่นไม่ทันกินมื้อเช้าเลยสักวัน หรือดีหน่อยก็ได้กินแค่กาแฟเย็น ปาท่องโก๋ หรือไม่ก็ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไม่ก็อาหารสำเร็จรูปแช่เข็งจากร้านสะดวกซื้อ

ซึ่งหากกินแต่อาหารเหล่านี้บ่อย ๆ ร่างกายก็คงไม่ค่อยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเท่าไร ก่อให้เกิดความไม่สบายทางกายต่าง ๆ เช่น อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย อาการลำไส้แปรปรวน หรือโรคกระเพาะอาหาร และจากความไม่สบายกายที่เป็นกันถี่เหลือเกิน นั่นอาจเป็นมูลเหตุให้เกิดความไม่สบายใจ เหนื่อยใจ ทดท้อใจขึ้นมาได้เหมือนกัน ดังนั้นหากรู้ตัวว่าอาหารการกินของเราไม่ค่อยจะมีประโยชน์สักเท่าไรในแต่ะวัน ลองหันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น อย่างน้อย ๆ ดื่มน้ำให้มากขึ้น กินผัก-ผลไม้ให้มากกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยการลดอาหารขยะลงด้วยก็จะดีมาก


8. ห่างจากกาแฟสักพัก

ยิ่งเหนื่อยยิ่งเพลีย ยิ่งโด๊ปกาแฟ ใครเป็นแบบนี้ยกมือขึ้นหน่อยจ้า...แสดงตัวให้เห็นกันหน่อยเพื่อที่เราจะได้บอกว่า หยุดดื่มกาแฟสักพักจะดีกว่าค่ะ เพราะการปล่อยให้ร่างกายติดหนึบอยู่กับคาเฟอีนมากเกินไป (ดื่มเกินวันละ 4 แก้ว) อาจเป็นการเพิ่มความเหนื่อยล้าสะสมแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ยิ่งหากเหตุผลที่คุณดื่มกาแฟอัด ๆ เข้าไปเป็นเพราะต้องการปลุกให้ร่างกายตื่น ฟื้นจากความอ่อนเพลีย แทนที่จะเลือกวิธีนอนหลับพักผ่อนให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองจริง ๆ แบบนี้ยิ่งอันตรายค่ะ เพราะการที่เราดื่มกาแฟเข้าไปแล้วมีเรี่ยวแรงขึ้นได้ก็ไม่ใช่ฤทธิ์ของกาแฟโดยตรง แต่เป็นร่างกายเองที่ดึงกำลังสำรองมาใช้ ซึ่งเมื่อถึงคราวที่จำเป็นต้องอาศัยกำลังสำรองขึ้นมาจริง ๆ แล้วร่างกายไม่มีกำลังเหล่านั้นเหลืออยู่ ภูมิต้านทานของเราจะต่ำลง ล้มป่วยได้ง่าย หรือป่วยแล้วไม่ยอมหายอีกเลย

ดังนั้นหากคุณใช้คาเฟอีนช่วยปลุกความสดชื่นอยู่ เราอยากให้คุณลดหรือเลิกกับคาเฟอีนสักพัก จากนั้นให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายที่อ่อนเพลียได้เติมพลังโดยธรรมชาติของตัวเราเองจะดีกว่า


9. ลดอาหารประเภทแป้ง
 
คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานของร่างกายก็จริง แต่หากกินมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ง่วงนอน เหมือนไม่ค่อยมีแรงได้ โดยเฉพาะหากคุณเป็นสายแป้งที่มักจะกินแป้งขัดขาวมากกว่าแป้งไม่ขัดสี หากมีอาการเหนื่อยง่าย ง่วงนอนบ่อย รู้สึกเพลีย ๆ ระหว่างวัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยค่ะ เพราะคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว อย่างแป้งขัดขาว คุกกี้ และเบเกอรีชนิดต่าง ๆ เป็นอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ

กล่าวคือ ร่างกายสามารถเปลี่ยนแป้งเหล่านี้เป็นน้ำตาลได้อย่างรวดเร็ว ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะสูงขึ้นสักพัก ทำให้รู้สึกสดชื่นเพียงชั่วครู่ จากนั้นระดับน้ำตาลในเลือดก็จะดรอปลง ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอน ไร้เรี่ยวแรง เป็นเหตุให้เกิดอาการหิวบ่อย อยากกินของหวาน ๆ จนอาจจะพาน้ำหนักขึ้นได้ ดังนั้นเลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่างโฮลวีท โฮลเกรน ที่ร่างกายจะใช้เวลาเผาผลาญนานกว่า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อนข้างสมดุล ไม่ลด ไม่ขึ้นอย่างวูบวาบ ส่งผลให้ร่างกายกระฉับกระเฉงได้ตลอดทั้งวัน


10. ลดน้ำหนัก

น้ำหนักส่วนเกินหรือเรียกง่าย ๆ ว่าความอ้วนเป็นปัจจัยสำคัญของความคล่องตัวของคนเรา เพราะเมื่ออ้วนขึ้น การเคลื่อนไหวร่างกายก็จะมีความลำบากขึ้น ลุก เดิน นั่ง หรือจะทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อยง่ายไปหมด ยิ่งหากปล่อยตัวเองให้อ้วนโดยไม่ค่อยออกกำลังกายด้วย ร่างกายก็จะยิ่งเฉื่อยชาและรู้สึกไม่ค่อยมีพลังงาน ดังนั้นมาลดน้ำหนักกันเถอะ !


11. หลับและตื่นนอนในเวลาเดียวกัน

เชื่อไหมคะว่าเพียงแค่พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน แค่นี้ก็ช่วยให้ร่างกายดูมีพลัง มีความสดชื่นขึ้นแล้ว เพราะการที่ฝึกให้ร่างกายรู้เวลานอน และตื่น จะช่วยให้เราไม่รู้สึกง่วงนอนในเวลาอื่น ๆ ความอ่อนเพลียก็จะไม่ถามหา เนื่องจากระดับเมลาโทนินและระดับน้ำตาลในเลือดมีความสมดุลนั่นเอง


12. เช็กปัญหาสุขภาพ

อาการง่วงนอนบ่อย อ่อนเพลียทั้งวัน หากเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่คุณคิดว่าดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้อยากให้ลองไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนค่ะ เพราะอาการเพลียบ่อย ง่วงนอนบ่อยก็ส่อโรคที่ซ่อนอยู่ในตัวได้หลายโรคเหมือนกันนะ


 






















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า